MT5 รายงานการทดสอบย้อนหลังดูอย่างไร? 5 ตัวชี้วัดสำคัญและการวิเคราะห์กราฟที่มือใหม่ต้องรู้

หลังจากทำการทดสอบย้อนหลังใน MT5 แล้วควรดูอะไรบ้าง? บทความนี้จะสอนคุณวิเคราะห์ กำไรสุทธิรวม, การลดลงสูงสุด, ตัวคูณกำไร, อัตราชนะ และกราฟเส้นทุน เพื่อช่วยให้มือใหม่เข้าใจความเสี่ยงและศักยภาพของกลยุทธ์ EA ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมประเมินความเสี่ยงก่อนเริ่มต้นเทรดจริง
  • เว็บไซต์นี้ใช้บริการแปลภาษาด้วย AI หากคุณมีคำแนะนำหรือข้อเสนอแนะ โปรดติดต่อเรา เรารอคอยคำแนะนำอันมีค่าของคุณ! [email protected]
เว็บไซต์นี้ใช้บริการแปลภาษาด้วย AI หากคุณมีคำแนะนำหรือข้อเสนอแนะ โปรดติดต่อเรา เรารอคอยคำแนะนำอันมีค่าของคุณ! [email protected]

วิธีอ่านรายงานการทดสอบย้อนหลัง MT5? (สำหรับมือใหม่ที่ต้องเรียนรู้)

ยินดีด้วย! คุณได้เรียนรู้วิธีการทดสอบย้อนหลังผู้ให้คำแนะนำผู้เชี่ยวชาญ (EA) ใน MetaTrader 5 (MT5) แล้ว
การทดสอบย้อนหลังเหมือนกับการให้กลยุทธ์ EA ของคุณทำการจำลองในข้อมูลตลาดที่ผ่านมา
หลังจากทำเสร็จแล้ว MT5 จะให้รายงานรายละเอียดที่เรียกว่า "ผลการทดสอบย้อนหลัง"

การอ่านรายงานนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะมันช่วยให้คุณประเมินเบื้องต้นได้ว่า กลยุทธ์ EA นี้มีผลการดำเนินงานในอดีตเป็นอย่างไร และมีความเสี่ยงอะไรบ้าง
บทความนี้จะสอนคุณอ่านส่วนที่สำคัญที่สุดในรายงานนี้

หาที่ไหนเจอรายงาน?

หลังจากทดสอบย้อนหลังเสร็จ ในแผง "Strategy Tester" ด้านล่างของ MT5 จะมีแท็บใหม่ๆ ปรากฏขึ้น
ผลลัพธ์ที่สำคัญมักจะอยู่ที่:
  • แท็บ "Backtest": มีข้อมูลสถิติและรายการเทรดอย่างละเอียด
  • แท็บ "Graph": แสดงการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนในรูปกราฟ

คุณสามารถคลิกขวาที่รายงานในแท็บ "Backtest" แล้วเลือก "Save Report" เพื่อบันทึกรายงานเป็นไฟล์เว็บ (HTML) เพื่อดูอย่างละเอียดในภายหลังได้

ตัวเลขสำคัญที่ต้องเข้าใจในรายงาน (ในแท็บ "Backtest"):


1 กำไรสุทธิรวม (Total Net Profit):

ความหมาย: หมายถึงจำนวนเงินที่กลยุทธ์ EA นี้ทำกำไรหรือขาดทุนรวมในช่วงเวลาทดสอบย้อนหลัง ตัวเลขบวกหมายถึงกำไร ตัวเลขลบหมายถึงขาดทุน

ข้อควรระวัง: นี่คือผลลัพธ์ที่ตรงที่สุด แต่ไม่ควรมองแค่ตัวเลขนี้เพียงอย่างเดียว กำไรสูงอาจมาพร้อมกับความเสี่ยงสูงด้วย

2 การลดลงสูงสุด / Maximal Drawdown:

ความหมาย: ตัวเลขนี้บอกคุณว่าในช่วงทดสอบย้อนหลัง บัญชีทดลองของคุณมีเงินทุนลดลงจากจุดสูงสุดมากที่สุดเท่าไหร่ รายงานจะแสดงเป็นจำนวนเงินและเปอร์เซ็นต์

ทำไมถึงสำคัญ: ตัวเลขนี้แสดงความเสี่ยงสูงสุดที่กลยุทธ์อาจเผชิญ หรือช่วงเวลาที่แย่ที่สุด เปอร์เซ็นต์ที่ต่ำกว่ามักหมายถึงการควบคุมขาดทุนได้ดีและความเสี่ยงต่ำ นี่เป็นตัวชี้วัดความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดตัวหนึ่ง

3 อัตรากำไร (Profit Factor):

ความหมาย: เป็นอัตราส่วนของกำไรรวม (จากการเทรดที่ได้กำไรทั้งหมด) หารด้วยขาดทุนรวม (จากการเทรดที่ขาดทุนทั้งหมด)

ทำไมถึงสำคัญ:
  • ถ้าอัตรากำไรมากกว่า 1 หมายความว่าในช่วงทดสอบมีกำไรมากกว่าขาดทุน
  • ถ้าอัตรากำไรเท่ากับ 1 หมายความว่ากำไรและขาดทุนเท่ากัน
  • ถ้าอัตรากำไรน้อยกว่า 1 หมายความว่าขาดทุนมากกว่ากำไร

โดยทั่วไป อัตรากำไรที่สูงกว่าจะดีกว่า (เช่น มากกว่า 1.5 หรือ 2) แต่ควรดูร่วมกับตัวชี้วัดอื่นๆ ด้วย

4 จำนวนการเทรดทั้งหมด (Total Trades):

ความหมาย: หมายถึงจำนวนครั้งที่ EA ทำการซื้อขายในช่วงทดสอบย้อนหลัง

ทำไมถึงสำคัญ: ถ้าจำนวนการเทรดน้อยเกินไป (เช่น เพียงไม่กี่สิบครั้ง) ผลลัพธ์อาจไม่น่าเชื่อถือ อาจเป็นแค่โชคดี ต้องมีจำนวนการเทรดที่เพียงพอ (เช่น หลายร้อยครั้งขึ้นไป) เพื่อให้ผลลัพธ์มีความน่าเชื่อถือ
ถ้าจำนวนการเทรดมากมาก อาจหมายความว่าค่าใช้จ่ายในการเทรด (เช่น สเปรด, ค่าคอมมิชชั่น) จะมีผลกระทบต่อผลลัพธ์สุดท้าย ต้องนำมาพิจารณาด้วย

5 อัตราชนะ (Win Rate / Profit Trades %):

ความหมาย: หมายถึงเปอร์เซ็นต์ของการเทรดทั้งหมดที่ทำกำไร

ข้อควรระวัง: อัตราชนะสูงฟังดูดี แต่ไม่จำเป็นว่ากลยุทธ์จะดีเสมอไป หากกำไรแต่ละครั้งน้อยมาก แต่ขาดทุนแต่ละครั้งมาก อัตราชนะสูงก็อาจยังขาดทุนโดยรวมได้ ต้องดูร่วมกับอัตรากำไรและอัตราส่วนกำไร/ขาดทุนเฉลี่ย

ดูกราฟ: กราฟเส้นเงินทุน (Graph)

นอกจากตัวเลขแล้ว แท็บ "Graph" ก็เข้าใจง่ายมาก



คืออะไร: เป็นเส้นกราฟที่แสดงเงินทุนในบัญชีทดลองของคุณ (โดยปกติจะมีเส้นสีฟ้าคือยอดเงินคงเหลือ และเส้นสีเขียวคือมูลค่าสุทธิ) ที่เปลี่ยนแปลงตามเวลา

ดูอย่างไร:
  • เส้นกราฟที่ขึ้นอย่างมั่นคงแสดงว่ากลยุทธ์มีผลการดำเนินงานที่เสถียรและทำกำไรอย่างต่อเนื่องในอดีต
  • เส้นกราฟที่ผันผวนมาก ขึ้นลงอย่างรุนแรง แม้สุดท้ายจะมีกำไร อาจแสดงว่ากลยุทธ์มีความเสี่ยงสูง และอารมณ์ในระหว่างเทรดอาจเหมือนนั่งรถไฟเหาะ ควรสังเกตขนาดการลดลงของกราฟ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการลดลงสูงสุด
  • เส้นกราฟที่ลดลงอย่างต่อเนื่องแสดงว่ากลยุทธ์นี้ขาดทุนในอดีต

เจาะลึก: กราฟที่มีประโยชน์เพิ่มเติม

นอกจากกราฟเส้นเงินทุนพื้นฐานแล้ว ที่ด้านล่างของแท็บ "Backtest" ในรายงาน MT5 ยังมีกราฟรายละเอียดเพิ่มเติมที่ช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมของ EA ได้ลึกขึ้น กราฟเหล่านี้ให้ข้อมูลที่หลากหลาย ช่วยให้คุณเข้าใจลักษณะเฉพาะของ EA อย่างครบถ้วน:

A การวิเคราะห์เวลา (Time Analysis)



ความหมาย: มีกราฟหลายชิ้นที่แสดง:
  • ช่วงเวลาที่ EA ชอบเข้าเทรดในแต่ละชั่วโมงของวัน, วันในสัปดาห์, และเดือนในปี (การกระจายจำนวนการเข้าเทรด)
  • ผลกำไรหรือขาดทุนของ EA ในช่วงเวลาต่างๆ เหล่านี้ (การกระจายกำไร/ขาดทุน)

ทำไมต้องดู: ช่วยให้คุณเข้าใจว่า EA มี "เวลาทำงาน" ที่ชัดเจนหรือไม่ เช่น มันทำงานเฉพาะช่วงเปิดตลาดบางช่วง (เช่น ตลาดลอนดอนหรือตลาดนิวยอร์ก) หรือมีผลการดำเนินงานดีหรือแย่เป็นพิเศษในวันศุกร์ ช่วยประเมินสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและรูปแบบที่อาจเกิดขึ้นของกลยุทธ์

B กราฟความสัมพันธ์ (Correlation - MFE/MAE)



ความหมาย: กราฟนี้วิเคราะห์ความผันผวนในแต่ละเทรด
  • MFE (Maximum Favorable Excursion / กำไรสูงสุดที่เป็นไปได้): หมายถึงกำไรสูงสุดที่บัญชีแสดงในระหว่างเทรดนั้นๆ ตั้งแต่เปิดออเดอร์จนปิด (แม้ว่ากำไรสุดท้ายจะไม่ถึงค่านั้น)
  • MAE (Maximum Adverse Excursion / ขาดทุนสูงสุดที่เป็นไปได้): หมายถึงขาดทุนสูงสุดที่บัญชีแสดงในระหว่างเทรดนั้นๆ ตั้งแต่เปิดออเดอร์จนปิด (แม้ว่าขาดทุนสุดท้ายจะไม่ถึงค่านั้น หรืออาจพลิกกลับมีกำไร)

กราฟนี้มักจะแสดง MFE และ MAE เทียบกับผลกำไร/ขาดทุนจริงของเทรดนั้นในรูปแบบ scatter plot

ทำไมต้องดู: กราฟนี้เป็นการวิเคราะห์ขั้นสูง ใช้ประเมินประสิทธิภาพของกลยุทธ์การออกจากตลาด
เช่น คุณอาจสังเกตว่า:
  • มีเทรดจำนวนมากที่ MFE สูง (เคยทำกำไรได้มาก) แต่ผลกำไรสุดท้ายต่ำ → อาจหมายความว่า EA ปิดออเดอร์เร็วเกินไป ทำให้พลาดกำไรที่มากขึ้น
  • มีเทรดจำนวนมากที่ MAE สูง (ขาดทุนสูงสุดมาก) → อาจหมายความว่า EA ตั้งจุดตัดขาดทุนไกลเกินไป หรือปล่อยให้ขาดทุนลากนานเกินไป เสี่ยงขาดทุนระหว่างทางโดยไม่จำเป็น

สรุปคือ กราฟนี้ช่วยตรวจสอบว่า EA มีแนวโน้ม "ทำกำไรไม่เต็มที่" หรือ "ขาดทุนเกินควร" หรือไม่ เพื่อพิจารณาปรับปรุงกลยุทธ์การออกจากตลาด

C กราฟกระจายเวลาถือออเดอร์กับกำไร/ขาดทุน (Holding Time vs P/L Scatter Plot)



ความหมาย: เป็นกราฟกระจาย (Scatter Plot) ที่แสดงข้อมูลแบบนี้
  • แกน X (แนวนอน) แสดงเวลาที่ถือออเดอร์แต่ละรายการตั้งแต่เปิดจนปิด (โดยปกติแสดงเป็นชั่วโมง)
  • แกน Y (แนวตั้ง) แสดงกำไรหรือขาดทุนสุดท้ายของเทรดนั้น
  • จุดแต่ละจุดบนกราฟแทนเทรดที่เสร็จสมบูรณ์แต่ละรายการ

ทำไมต้องดู: กราฟนี้ช่วยให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างระยะเวลาถือออเดอร์กับผลกำไร/ขาดทุนอย่างชัดเจน
เช่น คุณอาจสังเกตว่า:
  • ส่วนใหญ่ของจุดที่มีกำไร (แกน Y > 0) อยู่ในช่วงเวลาถือออเดอร์บางช่วง (เช่น จุดส่วนใหญ่ในกราฟอยู่ในช่วง 0-4 ชั่วโมง)
  • เทรดที่ถือออเดอร์นานมาก (แกน X ขวาสุด) มักจะมีกำไรมากหรือติดลบมาก (ดูตำแหน่งแกน Y)
  • สไตล์การเทรดหลักของกลยุทธ์เป็นแบบสั้น (จุดกระจุกทางซ้าย) หรือมีการถือออเดอร์ในเวลาหลากหลาย

ช่วยให้เข้าใจลักษณะของกลยุทธ์ เช่น "EA นี้ยิ่งถือออเดอร์นานยิ่งเสี่ยงขาดทุน" หรือ "กำไรมาจากการเทรดเร็วเป็นหลัก"

คำเตือนที่สำคัญที่สุด (สำหรับมือใหม่):

  • อดีตไม่เท่ากับอนาคต: รายงานการทดสอบย้อนหลังแสดงผลการดำเนินงานในอดีตของกลยุทธ์ ซึ่งไม่ได้รับประกันว่าจะได้ผลเหมือนกันในตลาดจริงในอนาคต สภาพตลาดเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
  • ระวังการ "ปรับแต่งเกินไป" (Over-Optimization): บางครั้งผู้คนปรับพารามิเตอร์ของ EA จนผลทดสอบย้อนหลังดูสมบูรณ์แบบ แต่กลยุทธ์แบบนี้อาจเหมาะกับข้อมูลในอดีตเท่านั้น และไม่เหมาะกับตลาดในอนาคต เรียกว่า "การปรับแต่งเกินไป" หรือ "Curve Fitting"
  • การทดสอบย้อนหลังเป็นเพียงก้าวแรก: หลังจากดูรายงานแล้ว หากคิดว่ากลยุทธ์ EA ดี ควรทดสอบใน บัญชีทดลอง (Demo Account) ในสภาพตลาดจริงเป็นเวลาหนึ่งช่วง (อย่างน้อยหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน) เพื่อดูผลการดำเนินงานจริงก่อนตัดสินใจใช้เงินจริง

การอ่านรายงานการทดสอบย้อนหลัง MT5 เป็นขั้นตอนสำคัญในการประเมิน EA แต่ไม่ใช่ขั้นตอนสุดท้าย
มันช่วยกรองกลยุทธ์ที่ไม่ดีออก และเข้าใจความเสี่ยงและพฤติกรรมของกลยุทธ์ แต่ต้องระมัดระวังและใช้การทดสอบในบัญชีทดลองประกอบการตัดสินใจขั้นสุดท้าย
หากคุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์ต่อคุณ ยินดีให้แชร์ให้เพื่อนๆ
ให้คนอื่นๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเทรดฟอเร็กซ์ด้วยกัน!