การสอนกราฟแท่งเทียน Forex: มือใหม่ต้องเข้าใจ OHLC, การตีความสีและรูปแบบ

มือใหม่เรียนรู้การดูกราฟแท่งเทียน Forex! เข้าใจกราฟแท่งเทียน OHLC, สีและรูปแบบ เรียนรู้การอ่านความผันผวนของราคา วางรากฐานการวิเคราะห์ทางเทคนิคให้มั่นคง
  • เว็บไซต์นี้ใช้บริการแปลภาษาด้วย AI หากคุณมีคำแนะนำหรือข้อเสนอแนะ โปรดติดต่อเรา เรารอคอยคำแนะนำอันมีค่าของคุณ! [email protected]
เว็บไซต์นี้ใช้บริการแปลภาษาด้วย AI หากคุณมีคำแนะนำหรือข้อเสนอแนะ โปรดติดต่อเรา เรารอคอยคำแนะนำอันมีค่าของคุณ! [email protected]

เข้าใจกราฟแท่งเทียน Forex (Candlestick Chart): ภาษาเบื้องต้นในการถอดรหัสเรื่องราวราคา 

เมื่อคุณเปิดแพลตฟอร์มการเทรด Forex ใด ๆ สิ่งแรกที่คุณมักจะเห็นและครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของหน้าจอ อาจเป็นกราฟราคาที่ประกอบด้วยแท่งสีแดงขาวหรือสีเขียวแดงเรียงต่อกัน
กราฟนี้คือกราฟ K Line หรือกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เทรดเดอร์ Forex ทั่วโลกใช้บ่อยที่สุดในการสังเกตและวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงราคาตลาด

เมื่อเทียบกับกราฟเส้นธรรมดาที่แสดงเพียงราคาปิด กราฟ K Line ให้ข้อมูลตลาดที่หลากหลายและลึกซึ้งกว่า
แท่ง K Line หรือแท่งเทียนแต่ละแท่งเปรียบเสมือนหนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่บันทึกการต่อสู้ของฝ่ายซื้อและขายในช่วงเวลาหนึ่ง
การเรียนรู้วิธีอ่านกราฟ K Line คือก้าวแรกของการเรียนรู้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการเทรดตามพฤติกรรมราคา
บทความนี้จะอธิบายองค์ประกอบของแท่ง K Line แต่ละแท่งอย่างละเอียด พร้อมอธิบายความหมายของสีและรูปร่างต่าง ๆ เพื่อให้คุณเข้าใจวิธีอ่านภาษาพื้นฐานของตลาดนี้

1 กราฟ K Line / กราฟแท่งเทียน คืออะไร? 

กราฟ K Line คือกราฟทางการเงินที่ใช้แสดงการเปลี่ยนแปลงราคาของสินทรัพย์หนึ่ง ๆ (เช่น คู่สกุลเงิน) ในช่วงระยะเวลาที่กำหนด (Time Period) 
ระยะเวลานี้สามารถเป็นได้ทุกช่วงเวลาที่คุณเลือก เช่น 1 นาที, 5 นาที, 1 ชั่วโมง, 4 ชั่วโมง, 1 วัน, 1 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน เป็นต้น
แท่ง K Line แต่ละแท่งบนกราฟจะแสดงผลการเคลื่อนไหวราคาของช่วงเวลานั้น ๆ

กราฟนี้ถูกเรียกว่ากราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) เพราะรูปร่างโดยทั่วไปประกอบด้วยส่วนแท่งเทียน (Real Body) ที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า และส่วนเส้นเล็ก ๆ ที่ยื่นออกมาทั้งบนและล่างเรียกว่าไส้เทียน (Shadow / Wick) ดูคล้ายเทียนที่มีไส้เทียนอยู่ตรงกลาง

2 การอ่านแท่ง K Line เดี่ยว: บันทึก 4 ราคาสำคัญ 

แท่ง K Line แต่ละแท่งประกอบด้วยข้อมูลราคาสำคัญ 4 ค่าในช่วงเวลานั้น: 

  • ราคาเปิด (Open): ราคาที่เกิดการซื้อขายครั้งแรกในช่วงเวลานั้น
  • ราคาสูงสุด (High): ราคาสูงสุดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น
  • ราคาต่ำสุด (Low): ราคาต่ำสุดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น
  • ราคาปิด (Close): ราคาที่เกิดการซื้อขายครั้งสุดท้ายในช่วงเวลานั้น



ราคาทั้ง 4 ค่านี้จะแสดงผ่านสองส่วนหลักของแท่ง K Line: 

  • แท่งเทียน / ตัวแท่ง (Real Body): ส่วนสี่เหลี่ยมที่หนากลางแท่ง แสดงราคาปิดและราคาเปิดที่เป็นขอบบนและขอบล่างของแท่ง
  • ไส้เทียน / เงา (Shadow / Wick): เส้นเล็ก ๆ ที่ยื่นออกมาจากขอบบนและขอบล่างของแท่งเทียน
    • ไส้เทียนบน (Upper Shadow): เส้นจากขอบบนของแท่งเทียนถึงราคาสูงสุด (High) แสดงถึงจุดสูงสุดที่ราคาทะลุขึ้นไปในช่วงเวลานั้น
    • ไส้เทียนล่าง (Lower Shadow): เส้นจากขอบล่างของแท่งเทียนถึงราคาต่ำสุด (Low) แสดงถึงจุดต่ำสุดที่ราคาลงไปในช่วงเวลานั้น



3 ความหมายของสี: ช่วงเวลานี้ราคาขึ้นหรือลง? 

สีของแท่งเทียน (หรือว่ากลวง/ทึบ) มักใช้เพื่อแยกแยะอย่างรวดเร็วว่าราคาภายในช่วงเวลานั้นโดยรวมแล้วขึ้นหรือลง: 

  • แท่งเทียนขาขึ้น (Bullish Candle): 
    มักแสดงเป็นสี เขียว หรือ ขาว (กลวง) 
    หมายความว่าราคาปิด (Close) สูงกว่า ราคาเปิด (Open) แสดงว่าราคามีแนวโน้มขึ้นในช่วงเวลานั้น
    แท่งเทียนส่วนล่างคือราคาเปิด ส่วนบนคือราคาปิด
  • แท่งเทียนขาลง (Bearish Candle): 
    มักแสดงเป็นสี แดง หรือ ดำ (ทึบ) 
    หมายความว่าราคาปิด (Close) ต่ำกว่า ราคาเปิด (Open) แสดงว่าราคามีแนวโน้มลงในช่วงเวลานั้น
    แท่งเทียนส่วนบนคือราคาเปิด ส่วนล่างคือราคาปิด

(หมายเหตุ: สีสามารถตั้งค่าได้ตามความชอบในแพลตฟอร์มเทรดส่วนใหญ่ สิ่งสำคัญคือเข้าใจว่าสีไหนแทนการขึ้นและสีไหนแทนการลง)

4 รูปแบบแท่ง K Line: "สติ๊กเกอร์อารมณ์" ของพฤติกรรมราคา 

รูปร่างของแท่ง K Line เดี่ยว (เช่น ขนาดแท่งเทียน, ความยาวไส้เทียน) และการรวมกันของแท่งหลายแท่ง ถูกนักวิเคราะห์เทคนิคและเทรดเดอร์พฤติกรรมราคามองว่าเป็นการสะท้อนอารมณ์ตลาด, การเปรียบเทียบกำลังซื้อขาย และอาจบ่งบอกทิศทางราคาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
สิ่งนี้เรียกว่ารูปแบบแท่ง K Line หรือรูปแบบกราฟแท่งเทียน 

ตัวอย่างง่าย ๆ เพื่อเข้าใจข้อมูล: 
  • แท่งเทียนที่มีแท่งเทียนยาว: แท่งเทียนสีเขียวยาวอาจแสดงถึงกำลังซื้อที่แข็งแกร่ง แท่งเทียนสีแดงยาวอาจแสดงถึงกำลังขายที่ครอบงำ
  • ไส้เทียนบน/ล่างยาว: ไส้เทียนบนยาวแสดงว่าราคาพุ่งขึ้นสูงแต่ปิดก่อนจะตกลงมา บ่งชี้ว่ามีแรงขายด้านบน ไส้เทียนล่างยาวแสดงว่าราคาตกลงลึกแต่ถูกดึงกลับขึ้น บ่งชี้ว่ามีแรงซื้อหนุนด้านล่าง
  • ดาว Doji: ราคาเปิดและปิดใกล้เคียงกันมาก ทำให้แท่งเทียนมีแท่งเทียนเล็กมากหรือเหมือนเส้นขีดเดียว แสดงถึงความสมดุลของกำลังซื้อขาย ตลาดลังเล อาจเป็นสัญญาณของการหยุดชะงักหรือการกลับตัวของแนวโน้ม

คำแนะนำสำคัญ: การวิเคราะห์รูปแบบแท่ง K Line เป็นเรื่องกว้างขวาง มีรูปแบบที่มีชื่อเรียกมากมาย (เช่น Hammer, Engulfing, Morning Star เป็นต้น)
สำหรับมือใหม่ไม่จำเป็นต้องจำรูปแบบทั้งหมด
ควรเริ่มจากเข้าใจโครงสร้างแท่ง K Line เดี่ยว (OHLC) และเรื่องราวที่บอกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างราคาเปิด, ปิด, สูงสุด และต่ำสุด

5 ทำไมต้องใช้กราฟ K Line? 

เมื่อเทียบกับกราฟเส้นธรรมดาหรือกราฟประเภทอื่น กราฟ K Line ได้รับความนิยมเพราะ: 

  • ข้อมูลครบถ้วน: แท่ง K Line หนึ่งแท่งประกอบด้วยข้อมูลราคาสำคัญ 4 ค่า ให้ภาพรวมตลาดที่ครบถ้วนกว่ากราฟเส้นที่แสดงเพียงราคาปิด
  • มองเห็นง่าย: สีและความยาวของแท่งเทียน รวมถึงความยาวของไส้เทียน แสดงให้เห็นช่วงราคาผันผวนและทิศทางขึ้นลง รวมถึงการเปรียบเทียบกำลังซื้อขายได้อย่างชัดเจน
  • ง่ายต่อการจำแนกรูปแบบ: การรวมกันของแท่ง K Line สามารถสร้างรูปแบบที่จดจำได้และมีความหมายทางสถิติ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการเทรดตามพฤติกรรมราคา

6 คำแนะนำสำหรับมือใหม่ 

  • เรียนรู้การอ่านพื้นฐาน: ขั้นตอนสำคัญคือการรู้จักและเข้าใจราคาเปิด, ราคาสูงสุด, ราคาต่ำสุด, ราคาปิด ของแท่ง K Line แต่ละแท่ง รวมถึงโครงสร้างแท่งเทียนและไส้เทียน และความหมายของสี
  • สังเกตกราฟในหลายช่วงเวลา: ดูกราฟ K Line ในกรอบเวลาต่าง ๆ เช่น กราฟรายวัน, 4 ชั่วโมง, 1 ชั่วโมง เพื่อเห็นว่าแต่ละช่วงเวลามีเรื่องราวที่แตกต่างกัน
  • เริ่มจากรูปแบบง่าย ๆ: เรียนรู้การจำแนกรูปแบบพื้นฐาน เช่น แท่งเทียนยาว (แสดงความแข็งแกร่ง), ไส้เทียนยาว (แสดงความลังเลหรือแรงกดดันกลับตัว), ดาว Doji (แสดงความสมดุล/ลังเล) และคิดวิเคราะห์ความหมายของมันในตลาด
  • วิเคราะห์ร่วมกับบริบทตลาด: อย่าดูรูปแบบแท่ง K Line เพียงอย่างเดียว ความน่าเชื่อถือของรูปแบบขึ้นอยู่กับบริบทตลาด เช่น อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นหรือลง, ใกล้ระดับแนวรับ/แนวต้าน หรือในตำแหน่งสุ่ม ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์แนวโน้ม, ระดับสำคัญ หรือเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำ
  • ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง: การอ่านกราฟ K Line เป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนผ่านการสังเกตและทดลอง ใช้เวลาใน บัญชีทดลอง เพื่อดูว่าแท่ง K Line ก่อตัวอย่างไรและราคาพัฒนาต่อไปอย่างไร

สรุป 

กราฟ K Line (กราฟแท่งเทียน) เป็นเครื่องมือพื้นฐานและสำคัญที่สุดที่เทรดเดอร์ Forex ใช้ในการสังเกตตลาดและวิเคราะห์ทางเทคนิค
แท่ง K Line แต่ละแท่งประกอบด้วยข้อมูลราคาสำคัญ 4 ค่า ได้แก่ ราคาเปิด, ราคาสูงสุด, ราคาต่ำสุด และราคาปิด (OHLC) และแสดงผ่านแท่งเทียน, ไส้เทียน และสีที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แสดงถึงการเปรียบเทียบกำลังซื้อขายและความผันผวนของราคาในช่วงเวลานั้น

การเรียนรู้การอ่านแท่ง K Line เดี่ยวเป็นพื้นฐาน และต่อยอดไปสู่การเข้าใจรูปแบบที่เกิดจากการรวมกันของแท่งหลายแท่ง พร้อมวางในบริบทของแนวโน้มตลาดและระดับสำคัญ เป็นกุญแจสำคัญในการใช้กราฟ K Line เพื่อการตัดสินใจเทรด
สำหรับมือใหม่ การมีพื้นฐานที่มั่นคงในกราฟ K Line และฝึกฝนการอ่านกราฟอย่างต่อเนื่อง จะช่วยวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเรียนรู้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและกลยุทธ์การเทรดขั้นสูงต่อไป
หากคุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์ต่อคุณ ยินดีให้แชร์ให้เพื่อนๆ
ให้คนอื่นๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเทรดฟอเร็กซ์ด้วยกัน!