เข้าใจกราฟแท่งเทียน Forex (Candlestick Chart): ภาษาเบื้องต้นในการถอดรหัสเรื่องราวราคา
เมื่อคุณเปิดแพลตฟอร์มการเทรด Forex ใด ๆ สิ่งแรกที่คุณมักจะเห็นและครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของหน้าจอ อาจเป็นกราฟราคาที่ประกอบด้วยแท่งสีแดงขาวหรือสีเขียวแดงเรียงต่อกันกราฟนี้คือกราฟ K Line หรือกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เทรดเดอร์ Forex ทั่วโลกใช้บ่อยที่สุดในการสังเกตและวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงราคาตลาด
เมื่อเทียบกับกราฟเส้นธรรมดาที่แสดงเพียงราคาปิด กราฟ K Line ให้ข้อมูลตลาดที่หลากหลายและลึกซึ้งกว่า
แท่ง K Line หรือแท่งเทียนแต่ละแท่งเปรียบเสมือนหนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่บันทึกการต่อสู้ของฝ่ายซื้อและขายในช่วงเวลาหนึ่ง
การเรียนรู้วิธีอ่านกราฟ K Line คือก้าวแรกของการเรียนรู้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการเทรดตามพฤติกรรมราคา
บทความนี้จะอธิบายองค์ประกอบของแท่ง K Line แต่ละแท่งอย่างละเอียด พร้อมอธิบายความหมายของสีและรูปร่างต่าง ๆ เพื่อให้คุณเข้าใจวิธีอ่านภาษาพื้นฐานของตลาดนี้
1 กราฟ K Line / กราฟแท่งเทียน คืออะไร?
กราฟ K Line คือกราฟทางการเงินที่ใช้แสดงการเปลี่ยนแปลงราคาของสินทรัพย์หนึ่ง ๆ (เช่น คู่สกุลเงิน) ในช่วงระยะเวลาที่กำหนด (Time Period)ระยะเวลานี้สามารถเป็นได้ทุกช่วงเวลาที่คุณเลือก เช่น 1 นาที, 5 นาที, 1 ชั่วโมง, 4 ชั่วโมง, 1 วัน, 1 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน เป็นต้น
แท่ง K Line แต่ละแท่งบนกราฟจะแสดงผลการเคลื่อนไหวราคาของช่วงเวลานั้น ๆ
กราฟนี้ถูกเรียกว่ากราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) เพราะรูปร่างโดยทั่วไปประกอบด้วยส่วนแท่งเทียน (Real Body) ที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า และส่วนเส้นเล็ก ๆ ที่ยื่นออกมาทั้งบนและล่างเรียกว่าไส้เทียน (Shadow / Wick) ดูคล้ายเทียนที่มีไส้เทียนอยู่ตรงกลาง
2 การอ่านแท่ง K Line เดี่ยว: บันทึก 4 ราคาสำคัญ
แท่ง K Line แต่ละแท่งประกอบด้วยข้อมูลราคาสำคัญ 4 ค่าในช่วงเวลานั้น:- ราคาเปิด (Open): ราคาที่เกิดการซื้อขายครั้งแรกในช่วงเวลานั้น
- ราคาสูงสุด (High): ราคาสูงสุดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น
- ราคาต่ำสุด (Low): ราคาต่ำสุดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น
- ราคาปิด (Close): ราคาที่เกิดการซื้อขายครั้งสุดท้ายในช่วงเวลานั้น

ราคาทั้ง 4 ค่านี้จะแสดงผ่านสองส่วนหลักของแท่ง K Line:
- แท่งเทียน / ตัวแท่ง (Real Body): ส่วนสี่เหลี่ยมที่หนากลางแท่ง แสดงราคาปิดและราคาเปิดที่เป็นขอบบนและขอบล่างของแท่ง
- ไส้เทียน / เงา (Shadow / Wick): เส้นเล็ก ๆ ที่ยื่นออกมาจากขอบบนและขอบล่างของแท่งเทียน
- ไส้เทียนบน (Upper Shadow): เส้นจากขอบบนของแท่งเทียนถึงราคาสูงสุด (High) แสดงถึงจุดสูงสุดที่ราคาทะลุขึ้นไปในช่วงเวลานั้น
- ไส้เทียนล่าง (Lower Shadow): เส้นจากขอบล่างของแท่งเทียนถึงราคาต่ำสุด (Low) แสดงถึงจุดต่ำสุดที่ราคาลงไปในช่วงเวลานั้น

3 ความหมายของสี: ช่วงเวลานี้ราคาขึ้นหรือลง?
สีของแท่งเทียน (หรือว่ากลวง/ทึบ) มักใช้เพื่อแยกแยะอย่างรวดเร็วว่าราคาภายในช่วงเวลานั้นโดยรวมแล้วขึ้นหรือลง:- แท่งเทียนขาขึ้น (Bullish Candle):
มักแสดงเป็นสี เขียว หรือ ขาว (กลวง)
หมายความว่าราคาปิด (Close) สูงกว่า ราคาเปิด (Open) แสดงว่าราคามีแนวโน้มขึ้นในช่วงเวลานั้น
แท่งเทียนส่วนล่างคือราคาเปิด ส่วนบนคือราคาปิด - แท่งเทียนขาลง (Bearish Candle):
มักแสดงเป็นสี แดง หรือ ดำ (ทึบ)
หมายความว่าราคาปิด (Close) ต่ำกว่า ราคาเปิด (Open) แสดงว่าราคามีแนวโน้มลงในช่วงเวลานั้น
แท่งเทียนส่วนบนคือราคาเปิด ส่วนล่างคือราคาปิด
(หมายเหตุ: สีสามารถตั้งค่าได้ตามความชอบในแพลตฟอร์มเทรดส่วนใหญ่ สิ่งสำคัญคือเข้าใจว่าสีไหนแทนการขึ้นและสีไหนแทนการลง)
4 รูปแบบแท่ง K Line: "สติ๊กเกอร์อารมณ์" ของพฤติกรรมราคา
รูปร่างของแท่ง K Line เดี่ยว (เช่น ขนาดแท่งเทียน, ความยาวไส้เทียน) และการรวมกันของแท่งหลายแท่ง ถูกนักวิเคราะห์เทคนิคและเทรดเดอร์พฤติกรรมราคามองว่าเป็นการสะท้อนอารมณ์ตลาด, การเปรียบเทียบกำลังซื้อขาย และอาจบ่งบอกทิศทางราคาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตสิ่งนี้เรียกว่ารูปแบบแท่ง K Line หรือรูปแบบกราฟแท่งเทียน
ตัวอย่างง่าย ๆ เพื่อเข้าใจข้อมูล:
- แท่งเทียนที่มีแท่งเทียนยาว: แท่งเทียนสีเขียวยาวอาจแสดงถึงกำลังซื้อที่แข็งแกร่ง แท่งเทียนสีแดงยาวอาจแสดงถึงกำลังขายที่ครอบงำ
- ไส้เทียนบน/ล่างยาว: ไส้เทียนบนยาวแสดงว่าราคาพุ่งขึ้นสูงแต่ปิดก่อนจะตกลงมา บ่งชี้ว่ามีแรงขายด้านบน ไส้เทียนล่างยาวแสดงว่าราคาตกลงลึกแต่ถูกดึงกลับขึ้น บ่งชี้ว่ามีแรงซื้อหนุนด้านล่าง
- ดาว Doji: ราคาเปิดและปิดใกล้เคียงกันมาก ทำให้แท่งเทียนมีแท่งเทียนเล็กมากหรือเหมือนเส้นขีดเดียว แสดงถึงความสมดุลของกำลังซื้อขาย ตลาดลังเล อาจเป็นสัญญาณของการหยุดชะงักหรือการกลับตัวของแนวโน้ม
คำแนะนำสำคัญ: การวิเคราะห์รูปแบบแท่ง K Line เป็นเรื่องกว้างขวาง มีรูปแบบที่มีชื่อเรียกมากมาย (เช่น Hammer, Engulfing, Morning Star เป็นต้น)
สำหรับมือใหม่ไม่จำเป็นต้องจำรูปแบบทั้งหมด
ควรเริ่มจากเข้าใจโครงสร้างแท่ง K Line เดี่ยว (OHLC) และเรื่องราวที่บอกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างราคาเปิด, ปิด, สูงสุด และต่ำสุด
5 ทำไมต้องใช้กราฟ K Line?
เมื่อเทียบกับกราฟเส้นธรรมดาหรือกราฟประเภทอื่น กราฟ K Line ได้รับความนิยมเพราะ:- ข้อมูลครบถ้วน: แท่ง K Line หนึ่งแท่งประกอบด้วยข้อมูลราคาสำคัญ 4 ค่า ให้ภาพรวมตลาดที่ครบถ้วนกว่ากราฟเส้นที่แสดงเพียงราคาปิด
- มองเห็นง่าย: สีและความยาวของแท่งเทียน รวมถึงความยาวของไส้เทียน แสดงให้เห็นช่วงราคาผันผวนและทิศทางขึ้นลง รวมถึงการเปรียบเทียบกำลังซื้อขายได้อย่างชัดเจน
- ง่ายต่อการจำแนกรูปแบบ: การรวมกันของแท่ง K Line สามารถสร้างรูปแบบที่จดจำได้และมีความหมายทางสถิติ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการเทรดตามพฤติกรรมราคา
6 คำแนะนำสำหรับมือใหม่
- เรียนรู้การอ่านพื้นฐาน: ขั้นตอนสำคัญคือการรู้จักและเข้าใจราคาเปิด, ราคาสูงสุด, ราคาต่ำสุด, ราคาปิด ของแท่ง K Line แต่ละแท่ง รวมถึงโครงสร้างแท่งเทียนและไส้เทียน และความหมายของสี
- สังเกตกราฟในหลายช่วงเวลา: ดูกราฟ K Line ในกรอบเวลาต่าง ๆ เช่น กราฟรายวัน, 4 ชั่วโมง, 1 ชั่วโมง เพื่อเห็นว่าแต่ละช่วงเวลามีเรื่องราวที่แตกต่างกัน
- เริ่มจากรูปแบบง่าย ๆ: เรียนรู้การจำแนกรูปแบบพื้นฐาน เช่น แท่งเทียนยาว (แสดงความแข็งแกร่ง), ไส้เทียนยาว (แสดงความลังเลหรือแรงกดดันกลับตัว), ดาว Doji (แสดงความสมดุล/ลังเล) และคิดวิเคราะห์ความหมายของมันในตลาด
- วิเคราะห์ร่วมกับบริบทตลาด: อย่าดูรูปแบบแท่ง K Line เพียงอย่างเดียว ความน่าเชื่อถือของรูปแบบขึ้นอยู่กับบริบทตลาด เช่น อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นหรือลง, ใกล้ระดับแนวรับ/แนวต้าน หรือในตำแหน่งสุ่ม ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์แนวโน้ม, ระดับสำคัญ หรือเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำ
- ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง: การอ่านกราฟ K Line เป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนผ่านการสังเกตและทดลอง ใช้เวลาใน บัญชีทดลอง เพื่อดูว่าแท่ง K Line ก่อตัวอย่างไรและราคาพัฒนาต่อไปอย่างไร
สรุป
กราฟ K Line (กราฟแท่งเทียน) เป็นเครื่องมือพื้นฐานและสำคัญที่สุดที่เทรดเดอร์ Forex ใช้ในการสังเกตตลาดและวิเคราะห์ทางเทคนิคแท่ง K Line แต่ละแท่งประกอบด้วยข้อมูลราคาสำคัญ 4 ค่า ได้แก่ ราคาเปิด, ราคาสูงสุด, ราคาต่ำสุด และราคาปิด (OHLC) และแสดงผ่านแท่งเทียน, ไส้เทียน และสีที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แสดงถึงการเปรียบเทียบกำลังซื้อขายและความผันผวนของราคาในช่วงเวลานั้น
การเรียนรู้การอ่านแท่ง K Line เดี่ยวเป็นพื้นฐาน และต่อยอดไปสู่การเข้าใจรูปแบบที่เกิดจากการรวมกันของแท่งหลายแท่ง พร้อมวางในบริบทของแนวโน้มตลาดและระดับสำคัญ เป็นกุญแจสำคัญในการใช้กราฟ K Line เพื่อการตัดสินใจเทรด
สำหรับมือใหม่ การมีพื้นฐานที่มั่นคงในกราฟ K Line และฝึกฝนการอ่านกราฟอย่างต่อเนื่อง จะช่วยวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเรียนรู้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและกลยุทธ์การเทรดขั้นสูงต่อไป
หากคุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์ต่อคุณ ยินดีให้แชร์ให้เพื่อนๆ
ให้คนอื่นๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเทรดฟอเร็กซ์ด้วยกัน!
ให้คนอื่นๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเทรดฟอเร็กซ์ด้วยกัน!