การเทรด Forex Carry Trade เปิดเผยความลับ: สิ่งที่มือใหม่ต้องเข้าใจเกี่ยวกับกำไรจากส่วนต่างดอกเบี้ยและความเสี่ยงมหาศาล

อยากเรียนรู้การเทรด Carry Trade ในตลาด Forex? เข้าใจการใช้ประโยชน์จากส่วนต่างดอกเบี้ยเพื่อทำกำไร แต่ต้องระวังความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนอย่างมาก มือใหม่ไม่แนะนำให้ทำ
  • เว็บไซต์นี้ใช้บริการแปลภาษาด้วย AI หากคุณมีคำแนะนำหรือข้อเสนอแนะ โปรดติดต่อเรา เรารอคอยคำแนะนำอันมีค่าของคุณ! [email protected]
เว็บไซต์นี้ใช้บริการแปลภาษาด้วย AI หากคุณมีคำแนะนำหรือข้อเสนอแนะ โปรดติดต่อเรา เรารอคอยคำแนะนำอันมีค่าของคุณ! [email protected]

การเทรด Carry Trade ในตลาด Forex: การใช้ส่วนต่างดอกเบี้ยเพื่อทำกำไร? โอกาสและความเสี่ยงที่ควรทราบ 

ในโลกของการเทรด Forex ส่วนใหญ่ผู้คนมักคิดถึงวิธีการทำกำไรจากการ “ซื้อถูกขายแพง” หรือ “ขายแพงซื้อคืนถูก” ซึ่งก็คือการทำกำไรจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนโดยตรง
แต่จริงๆ แล้ว นอกจากการเปลี่ยนแปลงของราคา ยังมีแหล่งรายได้ (หรือค่าใช้จ่าย) อีกประเภทหนึ่งที่ซ่อนอยู่ นั่นคือความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงินของแต่ละประเทศ
“Carry Trade” คือกลยุทธ์การเทรดที่พยายามใช้ประโยชน์จากส่วนต่างดอกเบี้ยนี้เพื่อทำกำไร

ฟังดูเหมือนแค่ถือสกุลเงินที่มีดอกเบี้ยสูงก็สามารถทำกำไรได้อย่างมั่นคงใช่ไหม?
แต่ในความเป็นจริง Carry Trade ซับซ้อนกว่านั้นมาก และมาพร้อมกับโอกาสและความเสี่ยงเฉพาะตัว
บทความนี้จะอธิบายอย่างง่ายว่า Carry Trade คืออะไร ทำงานอย่างไร (เกี่ยวข้องกับ “Swap/Rollover Fee” ที่เราเคยพูดถึงก่อนหน้านี้) แหล่งรายได้และความเสี่ยงหลักของมันอยู่ที่ไหน และเหมาะสมกับมือใหม่ในตลาด Forex หรือไม่

1 Carry Trade คืออะไร? 

กลยุทธ์หลักของ Carry Trade คือ: 

  • กู้ยืมหรือขายสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ
  • ในขณะเดียวกันซื้อสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง

เป้าหมาย: จุดประสงค์หลักของเทรดเดอร์คือการทำกำไรจากส่วนต่างดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงินนี้

เปรียบเทียบง่ายๆ: ลองจินตนาการว่าคุณกู้เงินด้วยอัตราดอกเบี้ยปีละ 1% แล้วนำเงินไปฝากในบัญชีธนาคารที่ให้อัตราดอกเบี้ยปีละ 5%
ในสถานการณ์ที่สมบูรณ์แบบโดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงอื่นๆ (เช่น ธนาคารล้มละลายหรือค่าเงินลดค่า) คุณจะได้กำไรจากส่วนต่างดอกเบี้ย 4% (5% - 1%)
หลักการพื้นฐานของ Carry Trade ในตลาด Forex ก็คล้ายกัน เพียงแต่เปลี่ยนจากเงินกู้และเงินฝากเป็นการเทรดสกุลเงินของแต่ละประเทศ

2 Carry Trade ทำงานอย่างไร: จุดสำคัญอยู่ที่ดอกเบี้ยข้ามคืน (Swap) 

กลยุทธ์นี้ทำกำไรจากส่วนต่างดอกเบี้ยได้อย่างไร?
คำตอบอยู่ที่ “Swap/Rollover Fee” หรือค่าธรรมเนียมข้ามคืนที่เราเคยพูดถึงก่อนหน้านี้

ทบทวนอีกครั้ง: เมื่อคุณถือโพซิชั่น Forex ข้ามคืน (ข้ามจุดปิดบัญชีรายวัน) คุณจะต้องจ่ายดอกเบี้ยสำหรับสกุลเงินที่คุณ “กู้ยืม” และได้รับดอกเบี้ยสำหรับสกุลเงินที่คุณ “ถือครอง”
ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิจะถูกหักออกจากบัญชีของคุณ (ถ้าเป็น Swap ติดลบ) หรือเพิ่มเข้าบัญชีของคุณ (ถ้าเป็น Swap บวก) ในรูปแบบของ ค่าธรรมเนียมข้ามคืน ทุกวัน

การดำเนินการ Carry Trade: เทรดเดอร์จะเลือกคู่สกุลเงินที่สกุลเงินที่ซื้อ (เช่น AUD) มีอัตราดอกเบี้ยอย่างเป็นทางการสูงกว่าสกุลเงินที่ขาย (เช่น JPY) อย่างมีนัยสำคัญ
ดังนั้นในทางทฤษฎี ตราบใดที่พวกเขาถือโพซิชั่น “ซื้อสกุลเงินดอกเบี้ยสูง/ขายสกุลเงินดอกเบี้ยต่ำ” (เช่น การเปิด Long AUD/JPY) ข้ามคืน พวกเขาจะได้รับค่าธรรมเนียมข้ามคืนเป็นบวก หรือก็คือได้รับดอกเบี้ยข้ามคืน

3 แหล่งกำไรและขาดทุน “สองทาง” ของ Carry Trade (สำคัญมาก!) 

นี่คือจุดสำคัญที่สุดในการเข้าใจ Carry Trade: ผลลัพธ์สุดท้ายของ Carry Trade ขึ้นอยู่กับสองส่วน ไม่ใช่แค่ดอกเบี้ยเท่านั้น: 

  • รายได้/ต้นทุนจากส่วนต่างดอกเบี้ย (มาจาก Swap): นี่คือแหล่งรายได้หลักของกลยุทธ์—ค่าธรรมเนียมข้ามคืนที่เป็นบวกที่ได้รับจากการถือสกุลเงินดอกเบี้ยสูงและขายสกุลเงินดอกเบี้ยต่ำทุกวัน (หรือถ้าส่วนต่างดอกเบี้ยกลับกันหรือทิศทางการเทรดตรงกันข้าม อาจกลายเป็นต้นทุน Swap ติดลบ)
  • กำไร/ขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน (มาจาก Price Change): ในช่วงที่คุณถือโพซิชั่น อัตราแลกเปลี่ยนของคู่สกุลเงินนั้นจะผันผวน ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่เป็นประโยชน์กับคุณ (เช่น คุณเปิด Long AUD/JPY และ AUD แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ JPY) คุณจะได้กำไรจากส่วนต่างราคา แต่ถ้าเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม คุณจะขาดทุนจากส่วนต่างราคา

กับดักที่ใหญ่ที่สุดคือ: แม้ว่าคุณจะได้รับค่าธรรมเนียมข้ามคืนเป็นบวกอย่างสม่ำเสมอทุกวัน แต่ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนของคู่สกุลเงินนั้นเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงในทิศทางที่ไม่เอื้ออำนวยต่อคุณ ความขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนอาจเกินกว่ากำไรจากดอกเบี้ยที่สะสมมา และทำให้การเทรดโดยรวมขาดทุนได้

4 ความเสี่ยงหลักของ Carry Trade 

  • ความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Exchange Rate Risk): นี่คือความเสี่ยงพื้นฐานและใหญ่ที่สุดของ Carry Trade! คุณไม่สามารถสมมติว่าสกุลเงินดอกเบี้ยสูงจะยังคงแข็งแกร่งหรือเสถียรเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอกเบี้ยต่ำได้ การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลก การเมือง หรือความรู้สึกตลาด อาจทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงในทิศทางที่ไม่เอื้ออำนวยต่อโพซิชั่นของคุณ และก่อให้เกิดขาดทุนมหาศาล
  • ความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk): ธนาคารกลางของแต่ละประเทศจะปรับอัตราดอกเบี้ย ถ้าประเทศที่มีดอกเบี้ยสูงลดอัตราดอกเบี้ย หรือประเทศที่มีดอกเบี้ยต่ำเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยลดลงหรือกลับทิศทาง Carry Trade จะสูญเสียความน่าสนใจ และค่าธรรมเนียมข้ามคืนที่เคยเป็นบวกอาจกลายเป็นลบ
  • ความเสี่ยงจากความรู้สึกตลาด / การหลีกเลี่ยงความเสี่ยง (Market Sentiment / Risk Aversion): Carry Trade มักทำผลงานได้ดีในช่วงที่ตลาดมีความเสี่ยงสูง (Risk-on) ซึ่งนักลงทุนยอมรับความเสี่ยงเพื่อแสวงหาผลตอบแทนสูง แต่ในช่วงที่ตลาดเกิดความตื่นตระหนกและความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น (Risk-off) นักลงทุนมักขายสกุลเงินดอกเบี้ยสูง (ซึ่งมักถูกมองว่ามีความเสี่ยงสูง) และไหลเข้าสู่สกุลเงิน “ปลอดภัย” เช่น JPY หรือ CHF ซึ่งจะทำให้โพซิชั่น Carry Trade ถูกปิดอย่างรวดเร็วและอาจก่อให้เกิดขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างรุนแรง

5 คู่สกุลเงินใดบ้างที่นิยมใช้ใน Carry Trade? 

หลักการง่ายๆ คือ: ค้นหาคู่สกุลเงินที่อัตราดอกเบี้ยของประเทศหนึ่งสูงกว่าของอีกประเทศอย่างมีนัยสำคัญ

ตัวอย่างในอดีต: ในบางช่วงเวลา AUD และ NZD มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า JPY และ CHF ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำมาก
ดังนั้น การซื้อ AUD/JPY, NZD/JPY หรือขาย EUR/AUD เคยเป็นกลยุทธ์ Carry Trade ที่ได้รับความนิยม
(โปรดทราบว่า สภาพแวดล้อมอัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลงได้ ตัวอย่างนี้เป็นเพียงการอธิบายหลักการ ไม่ใช่สถานการณ์ปัจจุบัน)

การปฏิบัติจริง: คุณควรติดตามอัตราดอกเบี้ยอย่างเป็นทางการล่าสุดของธนาคารกลางหลักๆ และตรวจสอบอัตรา Swap Rate ที่โบรกเกอร์ของคุณเสนอสำหรับคู่สกุลเงินที่คุณสนใจ

6 Carry Trade เหมาะกับมือใหม่หรือไม่? 

ความซับซ้อน: Carry Trade ไม่เพียงแต่ต้องติดตามแนวโน้มทางเทคนิคของอัตราแลกเปลี่ยนเท่านั้น แต่ยังต้องเข้าใจความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ย นโยบายธนาคารกลาง เศรษฐกิจมหภาคโลก และความรู้สึกของตลาด ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับมือใหม่

การรับรู้ความเสี่ยงที่ผิดพลาด: มือใหม่มักถูกล่อลวงด้วยภาพลักษณ์ของ “การทำกำไรจากดอกเบี้ยอย่างมั่นคง” และมักประเมินความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนต่ำเกินไป

คำแนะนำ: เนื่องจาก Carry Trade มีปัจจัยซับซ้อนหลายอย่างและความเสี่ยงสูง (โดยเฉพาะความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนและความรู้สึกตลาด) จึงไม่แนะนำให้มือใหม่ใช้เป็นกลยุทธ์หลักในการเริ่มต้นเทรด Forex
กลยุทธ์นี้เหมาะกับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ เข้าใจปัจจัยพื้นฐาน (โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยและความเสี่ยง) สามารถรับมือกับระยะเวลาถือโพซิชั่นนานและความเสี่ยงข้ามคืนได้ และมีการบริหารความเสี่ยงที่ดี
มือใหม่ควรเน้นเรียนรู้แนวคิดพื้นฐาน การวิเคราะห์ และการควบคุมความเสี่ยงก่อน

สรุป 

Carry Trade คือกลยุทธ์ที่มุ่งหวังทำกำไรจากส่วนต่างดอกเบี้ยระหว่างการซื้อสกุลเงินดอกเบี้ยสูงและขายสกุลเงินดอกเบี้ยต่ำ (สะท้อนผ่านค่าธรรมเนียมข้ามคืนที่เป็นบวก)
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์สุดท้ายของการเทรดไม่ได้ขึ้นอยู่กับส่วนต่างดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้รับผลกระทบอย่างมากจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน

แม้ในสภาวะตลาดที่เอื้ออำนวย (เช่น ความเสี่ยงสูง ส่วนต่างดอกเบี้ยมั่นคง และทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนสอดคล้อง) Carry Trade อาจให้ผลตอบแทนสองทาง แต่ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย และความไวต่อความรู้สึกตลาดสูง ทำให้กลยุทธ์นี้เป็นความท้าทายและมีความเสี่ยงสูงสำหรับมือใหม่
จึงแนะนำให้มือใหม่มีท่าทีระมัดระวังก่อนที่จะใช้ Carry Trade จนกว่าจะเข้าใจพื้นฐานและการบริหารความเสี่ยงอย่างถ่องแท้
หากคุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์ต่อคุณ ยินดีให้แชร์ให้เพื่อนๆ
ให้คนอื่นๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเทรดฟอเร็กซ์ด้วยกัน!