กลยุทธ์ติดตามแนวโน้มเบื้องต้นในตลาด Forex: มือใหม่จะทำอย่างไรให้แนวโน้มเป็นเพื่อนของคุณ

มือใหม่เรียนรู้การติดตามเทรนด์ Forex: การระบุเทรนด์และการเข้าตลาดในช่วงรีเทรซเป็นกุญแจสำคัญ เข้าใจข้อดีข้อเสียและความเสี่ยง ให้เทรนด์เป็นตัวช่วยของคุณ
  • เว็บไซต์นี้ใช้บริการแปลภาษาด้วย AI หากคุณมีคำแนะนำหรือข้อเสนอแนะ โปรดติดต่อเรา เรารอคอยคำแนะนำอันมีค่าของคุณ! [email protected]
เว็บไซต์นี้ใช้บริการแปลภาษาด้วย AI หากคุณมีคำแนะนำหรือข้อเสนอแนะ โปรดติดต่อเรา เรารอคอยคำแนะนำอันมีค่าของคุณ! [email protected]

การเริ่มต้นกลยุทธ์ติดตามแนวโน้มในตลาด Forex: ร่วมเต้นรำกับกระแสหลักของตลาด ให้แนวโน้มเป็นเพื่อนของคุณ? 

ในการเทรด Forex คุณอาจได้ยินสุภาษิตบ่อยครั้งว่า: “The trend is your friend” (แนวโน้มคือเพื่อนของคุณ)
คำพูดนี้ชี้ให้เห็นถึงแก่นของ“กลยุทธ์ติดตามแนวโน้ม” อย่างชัดเจน
แตกต่างจากการพยายามทำนายจุดกลับตัวของตลาดหรือจับจังหวะการเบรกเอาท์ในทันที ผู้ติดตามแนวโน้มเชื่อว่า เมื่อใดก็ตามที่ตลาดสร้างทิศทางที่ชัดเจน (แนวโน้ม) การเทรดตามทิศทางนั้นจะมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่า

กลยุทธ์นี้มุ่งเน้นการเข้าร่วมกับแนวโน้มที่เกิดขึ้นแล้วและถือสถานะไว้โดยหวังว่าแนวโน้มจะดำเนินต่อไปเพื่อทำกำไร
เป็นวิธีการเทรดที่คลาสสิกและถูกใช้อย่างแพร่หลาย
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าแนวโน้มคืออะไร? ควรเข้าตลาดในช่วงเวลาไหนของแนวโน้ม? ข้อดีข้อเสียของการติดตามแนวโน้มมีอะไรบ้าง? เหมาะกับมือใหม่หรือไม่?
บทความนี้จะอธิบายให้คุณเข้าใจทีละข้อ

1 กลยุทธ์ติดตามแนวโน้มคืออะไร? 

กลยุทธ์ติดตามแนวโน้มคือวิธีการเทรดที่มุ่งเน้นการระบุแนวโน้มที่เกิดขึ้นในตลาด (ขาขึ้นหรือขาลง) และเปิดสถานะตามทิศทางของแนวโน้มเพื่อทำกำไร

ความเชื่อหลัก: การเคลื่อนไหวของราคาตลาดโดยทั่วไปไม่ใช่แบบสุ่ม แต่มีแนวโน้มที่จะสร้างแนวโน้ม
เมื่อแนวโน้มหนึ่ง (ไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง) ได้รับการยืนยันแล้ว มีโอกาสสูงที่ราคาจะเคลื่อนไปในทิศทางเดิมมากกว่าที่จะกลับตัวทันที

เป้าหมาย: ผู้ติดตามแนวโน้มไม่พยายามทำนายจุดสูงสุดหรือต่ำสุดของตลาด
เป้าหมายคือจับช่วงหลักของแนวโน้ม (โดยปกติคือช่วงกลางที่มีการเคลื่อนไหวชัดเจนที่สุด) เข้าตลาดหลังจากยืนยันแนวโน้ม และออกเมื่อมีสัญญาณว่าแนวโน้มสิ้นสุดอย่างชัดเจน

2 วิธีการระบุแนวโน้ม? 

ก่อนใช้กลยุทธ์ติดตามแนวโน้ม ต้องสามารถตัดสินใจได้ว่าตลาดกำลังมีแนวโน้มหรือไม่ และแนวโน้มนั้นเป็นทิศทางใด
วิธีที่ใช้บ่อยได้แก่: 

  • สังเกตรูปแบบราคา (คำนิยามพื้นฐาน): 
    • แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend): บนกราฟจะเห็นจุดสูงสุดที่สูงขึ้น (Higher Highs, HH) และจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น (Higher Lows, HL) ราคามีแนวโน้มเอียงขึ้นจากซ้ายล่างไปขวาบน
    • แนวโน้มขาลง (Downtrend): บนกราฟจะเห็นจุดสูงสุดที่ต่ำลง (Lower Highs, LH) และจุดต่ำสุดที่ต่ำลง (Lower Lows, LL) ราคามีแนวโน้มเอียงลงจากซ้ายบนไปขวาล่าง
    • แนวโน้มไซด์เวย์ / ไม่มีแนวโน้ม (Sideways / Range): ราคาสวิงในช่วงระดับแนวนอนที่ค่อนข้างคงที่ ไม่มีการสร้างจุดสูงสุดหรือต่ำสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง
  • ใช้เครื่องมือช่วย (วิเคราะห์ทางเทคนิค): 
    • เส้นแนวโน้ม (Trend Lines): ในแนวโน้มขาขึ้นเชื่อมจุดต่ำสำคัญ หรือในแนวโน้มขาลงเชื่อมจุดสูงสำคัญ วาดเส้นแนวโน้ม หากราคายังคงวิ่งอยู่เหนือเส้นแนวโน้ม (แนวโน้มขาขึ้น) หรือใต้เส้นแนวโน้ม (แนวโน้มขาลง) ถือว่าแนวโน้มยังคงอยู่
    • เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages, MA): สังเกตตำแหน่งราคาต่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เช่น ราคาวิ่งอยู่เหนือเส้น MA ที่เอียงขึ้น มักถือเป็นสัญญาณแนวโน้มขาขึ้น

3 จังหวะเข้าตลาดของผู้ติดตามแนวโน้ม: มองหา “การปรับฐาน” 

นี่คือจุดสำคัญของกลยุทธ์ติดตามแนวโน้ม
ผู้ติดตามแนวโน้มที่มีประสบการณ์มักจะไม่ไล่ซื้อเมื่อราคาทำจุดสูงสุดใหม่ หรือไล่ขายเมื่อราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ เพราะเสี่ยงที่จะซื้อที่จุดสูงสุดชั่วคราวหรือขายที่จุดต่ำสุดชั่วคราว ซึ่งมีความเสี่ยงสูง
พวกเขามักรอให้ราคาปรับตัวย้อนกลับชั่วคราวในทิศทางตรงกันข้ามกับแนวโน้มหลัก — นั่นคือ“การปรับฐาน” (Pullback) หรือเรียกว่า“การลดลง” (Retracement) — แล้วเข้าตลาดเมื่อการปรับฐานดูเหมือนจะสิ้นสุดและราคาพร้อมกลับไปตามแนวโน้มหลักอีกครั้ง

  • ในแนวโน้มขาขึ้น: รอให้ราคาปรับตัวลงจากจุดสูงสุดไปยังระดับแนวรับ เส้นแนวโน้มขาขึ้น หรือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สำคัญ เมื่อเห็นสัญญาณว่าราคาหยุดตกและพร้อมจะขึ้นต่อ ให้ซื้อในจังหวะราคาต่ำ (Buy the dip)
  • ในแนวโน้มขาลง: รอให้ราคาปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดไปยังระดับแนวต้าน เส้นแนวโน้มขาลง หรือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สำคัญ เมื่อเห็นสัญญาณว่าราคาต้านและพร้อมจะลงต่อ ให้ขายในจังหวะราคาสูง (Sell the rally)

การทำเช่นนี้มีจุดประสงค์เพื่อเข้าตลาดในราคาที่ดีกว่า และสามารถตั้งจุดตัดขาดทุนได้ใกล้ขึ้น (เมื่อเทียบกับการไล่ซื้อหรือไล่ขาย) เพื่อปรับปรุงอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน

4 ข้อดีของการติดตามแนวโน้ม 

  • สอดคล้องกับแรงหลักของตลาด: เทรดตามทิศทางแนวโน้มเหมือนยืนอยู่ในทิศทางที่ตลาดมีโอกาสสูงที่จะเดินหน้า สถิติแล้วมีโอกาสสำเร็จสูงกว่า
  • จับโอกาสทำกำไรจากแนวโน้มใหญ่: หากสามารถจับแนวโน้มที่แข็งแกร่งและยาวนานได้ กำไรอาจมีมูลค่าสูงมาก
  • ตรรกะการเทรดค่อนข้างชัดเจน: “ระบุแนวโน้ม - รอการปรับฐาน - เทรดตามแนวโน้ม” เป็นตรรกะหลักที่เข้าใจและเรียนรู้ได้ง่าย

5 ความท้าทายและความเสี่ยงของการติดตามแนวโน้ม 

  • ยากที่จะตัดสินใจว่าแนวโน้มสิ้นสุดเมื่อใด: นี่คือความยากที่สุดของการติดตามแนวโน้ม ทุกแนวโน้มมีจุดสิ้นสุด การแยกแยะระหว่างการปรับฐานปกติกับการกลับตัวแนวโน้มจริงเป็นเรื่องยากมาก อาจทำให้เทรดเดอร์ออกจากตลาดเร็วเกินไปและพลาดกำไร หรือออกช้าเกินไปจนกำไรหดหายหรือขาดทุน
  • ทำงานได้ไม่ดีในตลาดไซด์เวย์หรือสวิง: เมื่อไม่มีทิศทางชัดเจนและราคาสวิงไปมา (เรียกว่าตลาดไซด์เวย์หรือสวิง) กลยุทธ์ติดตามแนวโน้มมักให้สัญญาณผิดบ่อยครั้ง ทำให้เกิดขาดทุนเล็กๆ ต่อเนื่อง (ถูก “ตบหน้าไปมา”) ช่วงเวลาตลาดสวิงนานๆ เป็นช่วงที่ท้าทายมากสำหรับผู้ติดตามแนวโน้ม
  • ต้องมีความอดทนรอสัญญาณเข้าตลาด: การรอโอกาสปรับฐานที่เหมาะสมต้องใช้ความอดทนและวินัย ตลาดไม่ได้ให้จุดเข้าที่สมบูรณ์แบบตลอดเวลา
  • ความท้าทายทางจิตใจ: การถือสถานะในช่วงที่ราคาปรับฐาน (ขาดทุนชั่วคราว) ต้องมีความมั่นใจสูง การเห็นแนวโน้มกลับตัวหลังจากเข้าตลาดไม่นานอาจทำให้ท้อใจ

6 กลยุทธ์ติดตามแนวโน้มเหมาะกับมือใหม่หรือไม่? 

ข้อได้เปรียบที่เป็นไปได้: ตรรกะหลักค่อนข้างตรงไปตรงมา แนวคิด “ตามกระแสหลัก” เข้าใจง่ายกว่า
เมื่อเทียบกับการพยายามทำนายจุดกลับตัว การตามแนวโน้มที่ได้รับการยืนยันแล้วอาจรู้สึก “ปลอดภัย” กว่า
โดยเฉพาะในกรอบเวลาที่นานขึ้น (เช่น กราฟรายวัน) แนวโน้มมักจะชัดเจนกว่า

ความท้าทายสำหรับมือใหม่: การระบุจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดของแนวโน้มอย่างแม่นยำ การประเมินความถูกต้องของการปรับฐาน การรักษาความมั่นใจในช่วงปรับฐาน และการแยกแยะระหว่างตลาดแนวโน้มกับตลาดสวิง ต้องการการฝึกฝนและประสบการณ์มาก

คำแนะนำ: 
  • กลยุทธ์ติดตามแนวโน้มเป็นวิธีคลาสสิกและมักแนะนำให้มือใหม่เริ่มเรียนรู้การวิเคราะห์ทางเทคนิค
  • แนะนำให้มือใหม่เริ่มจากการเรียนรู้การระบุแนวโน้มที่ชัดเจนในกรอบเวลาที่ยาวกว่า เช่น กราฟรายวัน D1 หรือ กราฟ 4 ชั่วโมง H4 
  • ฝึกฝนการระบุโอกาสปรับฐานในแนวโน้มบน บัญชีทดลอง (Demo Account) เช่น การปรับฐานถึงระดับแนวรับแนวต้านสำคัญ หรือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
  • สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องผสานกับการบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวด! ไม่ว่าแนวโน้มจะดูแข็งแกร่งแค่ไหน ต้องตั้งจุดตัดขาดทุนที่เหมาะสมสำหรับแต่ละการเทรด (เช่น ตั้งนอกจุดต่ำสุด/สูงสุดของการปรับฐานเล็กน้อย) และควบคุมความเสี่ยงสูงสุดต่อการเทรดด้วยขนาดล็อต (จำนวนล็อต)
  • นอกจากนี้ต้องตระหนักถึงข้อจำกัดของกลยุทธ์นี้ และเรียนรู้การสังเกตสัญญาณที่ตลาดอาจเข้าสู่ช่วงไซด์เวย์

บทสรุป 

แก่นของกลยุทธ์ติดตามแนวโน้ม คือการระบุทิศทางหลักของตลาด (แนวโน้ม) และเทรดตามทิศทางนั้น โดยมองหาโอกาสเข้าตลาดในช่วงที่ราคาปรับฐานชั่วคราว เพื่อจับช่วงหลักของการเคลื่อนไหวของแนวโน้ม
แนวคิดคือ “แนวโน้มคือเพื่อนของคุณ”

ข้อดีของกลยุทธ์นี้คือสอดคล้องกับทิศทางที่ตลาดมีโอกาสสูงที่จะเดินหน้า ทำให้มีโอกาสทำกำไรสูง ข้อเสียคือยากที่จะจับจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดของแนวโน้มอย่างแม่นยำ และทำงานได้ไม่ดีในตลาดไซด์เวย์
สำหรับมือใหม่ การติดตามแนวโน้มเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ต้องเรียนรู้การระบุแนวโน้มอย่างชัดเจน รอการปรับฐานอย่างอดทน และบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวดเสมอ
การเข้าใจเงื่อนไขและข้อจำกัดของกลยุทธ์นี้เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการใช้งานกลยุทธ์ติดตามแนวโน้ม
หากคุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์ต่อคุณ ยินดีให้แชร์ให้เพื่อนๆ
ให้คนอื่นๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเทรดฟอเร็กซ์ด้วยกัน!