ตารางคำศัพท์มาร์จิ้นในตลาดฟอเร็กซ์: คำศัพท์ที่ผู้เทรดต้องรู้

ตารางคำศัพท์มาร์จิ้นนี้ครอบคลุมแนวคิดสำคัญในตลาดการเทรดฟอเร็กซ์ เช่น มาร์จิ้น, เลเวอเรจ, มาร์จิ้นที่ใช้ไป, และมาร์จิ้นอิสระ เพื่อช่วยให้คุณรับมือกับความเสี่ยงในตลาดได้อย่างง่ายดาย

คำศัพท์มาร์จิ้นในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 


1. มาร์จิ้น (margin): 

มาร์จิ้น คือเงินที่ผู้เทรดต้องวางไว้เพื่อเปิดหรือรักษาการเทรด เป็นเหมือน "เงินประกัน" ไม่ใช่เงินทั้งหมดที่ใช้ในการเทรด แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่ง และเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับ เลเวอเรจ

2. เลเวอเรจ (leverage): 

เลเวอเรจ หมายถึงความสามารถของผู้เทรดในการควบคุมสถานะการเทรดที่ใหญ่ขึ้นด้วยเงินทุนที่น้อยกว่า แสดงในรูปแบบอัตราส่วน เช่น 100:1 หมายถึงใช้เงิน 1 ดอลลาร์สามารถควบคุมสถานะการเทรดมูลค่า 100 ดอลลาร์ได้

3. มาร์จิ้นที่ใช้ไป (Used Margin): 

มาร์จิ้นที่ใช้ไป คือยอดรวมของมาร์จิ้นที่จำเป็นในการรักษาการเทรดที่ยังไม่ปิดทั้งหมด เงินส่วนนี้ถูก "ล็อก" ไว้ในเทรดและไม่สามารถใช้เปิดสถานะใหม่ได้

4. มาร์จิ้นที่เหลือ (Free Margin): 

มาร์จิ้นที่เหลือ คือเงินที่เหลือหลังจากเปิดหรือรักษาสถานะที่มีอยู่แล้ว สามารถใช้เปิดสถานะการเทรดใหม่ได้
สูตร: มาร์จิ้นที่เหลือ = สินทรัพย์สุทธิ - มาร์จิ้นที่ใช้ไป

5. สินทรัพย์สุทธิ (Equity): 

สินทรัพย์สุทธิ คือยอดรวมของเงินในบัญชี รวมถึงยอดคงเหลือในบัญชีและกำไรขาดทุนที่ยังไม่ปิด
สูตร: สินทรัพย์สุทธิ = ยอดคงเหลือในบัญชี + กำไรขาดทุนที่ยังไม่ปิด

6. ยอดคงเหลือในบัญชี (Account Balance): 

ยอดคงเหลือในบัญชี คือเงินสดที่มีอยู่ในบัญชี รวมถึงกำไรขาดทุนจากการเทรดที่ปิดแล้ว แต่ไม่รวมกำไรขาดทุนที่ยังไม่ปิด กำไรขาดทุนที่ยังไม่ปิดจะถูกนับรวมในยอดคงเหลือในบัญชีเมื่อการเทรดสิ้นสุด

7. กำไรขาดทุนที่ยังไม่ปิด (Floating P/L) และกำไรขาดทุนที่ยังไม่รับรู้ (Unrealized P/L): 

กำไรขาดทุนที่ยังไม่ปิด หมายถึงกำไรขาดทุนปัจจุบันของการเทรดที่ยังไม่ปิด เมื่อราคาตลาดเปลี่ยนแปลง กำไรขาดทุนที่ยังไม่ปิดก็จะเปลี่ยนแปลงตาม และจะกลายเป็นกำไรขาดทุนที่รับรู้เมื่อปิดสถานะ

8. ระดับมาร์จิ้น (Margin Level): 

ระดับมาร์จิ้น คืออัตราส่วนระหว่างสินทรัพย์สุทธิกับมาร์จิ้นที่ใช้ไป โดยปกติจะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์
สูตร: ระดับมาร์จิ้น = (สินทรัพย์สุทธิ / มาร์จิ้นที่ใช้ไป) x 100
หากระดับมาร์จิ้นลดลงถึงจุดวิกฤต อาจทำให้เกิดการเรียกมาร์จิ้นเพิ่มหรือการปิดสถานะโดยอัตโนมัติ

9. การเรียกมาร์จิ้นเพิ่ม (Margin Call): 

เมื่อระดับมาร์จิ้นลดลงถึงเปอร์เซ็นต์ที่โบรกเกอร์กำหนด (เช่น 100%) โบรกเกอร์จะส่งการแจ้งเตือนให้เพิ่มเงินทุนหรือปิดบางสถานะเพื่อรักษาการเทรดที่มีอยู่

10. การปิดสถานะโดยอัตโนมัติ (Stop Out หรือ Liquidation): 

การปิดสถานะโดยอัตโนมัติ หมายถึงเมื่อระดับมาร์จิ้นลดลงถึงเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำกว่าที่โบรกเกอร์กำหนด (เช่น 50%) โบรกเกอร์จะปิดสถานะบางส่วนหรือทั้งหมดโดยอัตโนมัติเพื่อป้องกันการขาดทุนเพิ่มเติมในบัญชี

11. ข้อกำหนดมาร์จิ้น (Margin Requirement): 

ข้อกำหนดมาร์จิ้น คือจำนวนเงินขั้นต่ำที่โบรกเกอร์กำหนดสำหรับการเปิดสถานะการเทรด โดยปกติจะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์
ตัวอย่างเช่น ข้อกำหนดมาร์จิ้น 1% หมายความว่าคุณต้องวางเงิน 1% ของมูลค่าการเทรดทั้งหมดเป็นมาร์จิ้น

12. ระดับการปิดสถานะโดยอัตโนมัติ (Stop Out Level): 

ระดับการปิดสถานะโดยอัตโนมัติ หมายถึงเปอร์เซ็นต์ขั้นต่ำที่โบรกเกอร์กำหนด เมื่อระดับมาร์จิ้นลดลงถึงจุดนี้ โบรกเกอร์จะเริ่มปิดสถานะโดยอัตโนมัติ

13. อัตราส่วนเลเวอเรจ (Leverage Ratio): 

อัตราส่วนเลเวอเรจ คืออัตราส่วนระหว่างมาร์จิ้นกับเงินทุนที่สามารถเทรดได้ อัตราส่วนเลเวอเรจที่สูงขึ้นทำให้ผู้เทรดสามารถควบคุมสถานะที่ใหญ่ขึ้นด้วยมาร์จิ้นที่น้อยลง แต่ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย