เลือดของตลาด : รู้จักสภาพคล่อง (Liquidity) ในตลาดฟอเร็กซ์และความสำคัญ
คุณอาจเคยได้ยินคนพูดว่า "ตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก" หรือเวลาพูดถึงการเปลี่ยนแปลงของ สเปรด ก็จะมีการกล่าวถึง "สภาพคล่องไม่เพียงพอ"แล้ว“สภาพคล่อง” ในการเทรดฟอเร็กซ์จริง ๆ แล้วหมายถึงอะไร?
ทำไมมันถึงสำคัญขนาดนั้น และมันส่งผลต่อเทรดเดอร์ทั่วไปอย่างเรา ๆ อย่างไรบ้าง?
สภาพคล่องเปรียบเสมือน "เลือด" ของตลาด ระดับความอุดมสมบูรณ์ของมันเป็นตัวกำหนดสุขภาพและประสิทธิภาพการทำงานของตลาด
การเข้าใจสภาพคล่อง ไม่เพียงแต่จะทำให้คุณเข้าใจว่าทำไม คู่สกุลเงินหลัก ถึงมีต้นทุนการเทรด (สเปรด) ต่ำกว่า แต่ยังช่วยให้คุณเลือกจังหวะการเทรดและบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้นด้วย
บทความนี้จะอธิบายแนวคิดของสภาพคล่องในตลาดฟอเร็กซ์และผลกระทบต่อการเทรดของคุณแบบเข้าใจง่าย
1. สภาพคล่องคืออะไร? ระดับความง่ายในการซื้อขาย
ลองจินตนาการ :- สถานการณ์ที่หนึ่ง : คุณต้องการขายสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยม มีคนต้องการเยอะมาก คุณหาผู้ซื้อได้ง่ายและขายได้เร็วในราคาที่ใกล้เคียงกับราคาตลาด นี่คือสภาพคล่องสูง
- สถานการณ์ที่สอง : คุณต้องการขายของโบราณหายากที่มีแต่คนสะสมเฉพาะกลุ่มเท่านั้นที่สนใจ คุณอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะหาผู้ซื้อได้ และอาจต้องลดราคาลงมากเพื่อขายออก นี่คือสภาพคล่องต่ำ
ในตลาดการเงิน (รวมถึงตลาดฟอเร็กซ์) สภาพคล่อง หมายถึงระดับที่สินทรัพย์ (เช่น คู่เงินหนึ่งคู่) สามารถถูกซื้อหรือขายได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โดยไม่ทำให้ราคามีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
พูดง่าย ๆ ยิ่งสภาพคล่องสูง หมายความว่า :
- มีผู้ซื้อและผู้ขายที่กระตือรือร้นในตลาดจำนวนมาก
- คุณสามารถซื้อหรือขายในราคาที่ใกล้เคียงกับราคาตลาดปัจจุบันได้อย่างรวดเร็ว
2. ทำไมตลาดฟอเร็กซ์ถึงมีสภาพคล่องสูงมาก?
ตลาดฟอเร็กซ์ถูกมองว่าเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลกด้วยเหตุผลหลัก ๆ ดังนี้ :- ปริมาณการซื้อขายมหาศาล : เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก มูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงถึงหลายล้านล้านดอลลาร์
- การดำเนินงานแบบทั่วโลก : ตลาดฟอเร็กซ์เปิดตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ เป็นตลาดระดับโลกที่ไม่มีวันหยุด
- ผู้เข้าร่วมจำนวนมาก : ตั้งแต่ธนาคารกลางของแต่ละประเทศ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ บริษัทข้ามชาติ กองทุนลงทุน โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ ไปจนถึงเทรดเดอร์รายย่อยอย่างเรา ๆ ต่างก็ซื้อขายกันอย่างต่อเนื่อง
กิจกรรมการซื้อขายที่มหาศาล กระจายอยู่ทั่วโลก และต่อเนื่องนี้เองที่เติมสภาพคล่องให้กับตลาดฟอเร็กซ์อย่างมาก
3. สภาพคล่องสูงหรือต่ำ ส่งผลต่อคุณอย่างไร?
สภาพคล่องฟังดูเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ระดับมหภาค แต่จริง ๆ แล้วมันส่งผลโดยตรงและสำคัญกับทุกออเดอร์ของคุณ :- มีผลต่อขนาดของ สเปรด (Spreads) :
สภาพคล่องสูง = สเปรดต่ำ : เมื่อมีผู้ซื้อและผู้ขายจำนวนมากเสนอราคาในตลาด ส่วนต่างระหว่างราคาขาย (Ask) กับราคาซื้อ (Bid) จะลดลง นี่คือเหตุผลที่ คู่สกุลเงินหลัก ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด (เช่น EUR/USD) ในช่วงเวลาหลัก สเปรด จะต่ำมาก
สภาพคล่องต่ำ = สเปรดสูง : เมื่อผู้เข้าร่วมตลาดน้อยลง ความต้องการซื้อขายลดลง (เช่น คู่เงินที่ไม่ค่อยนิยม หรือช่วงเวลาที่ตลาดเงียบ หรือก่อนข่าวสำคัญ) โบรกเกอร์มักจะขยายช่วงราคาซื้อขายเพื่อจับคู่คำสั่งหรือป้องกันความเสี่ยง ทำให้ สเปรด กว้างขึ้น - มีผลต่อการดำเนินการออเดอร์ (Order Execution) :
สภาพคล่องสูง = ออเดอร์จับคู่ได้ง่าย : เมื่อสภาพคล่องดี ออเดอร์ของคุณจะถูกจับคู่ในราคาที่คุณเห็นหรือใกล้เคียงได้อย่างรวดเร็ว โอกาสเกิด“Slippage” (ราคาหลุดเป้า) — คือราคาที่ได้จริงแย่กว่าที่คาดไว้ — จะต่ำ
สภาพคล่องต่ำ = จับคู่ออเดอร์ยาก / อาจเกิด Slippage : เมื่อสภาพคล่องไม่พอ โดยเฉพาะถ้าคุณเทรดล็อตใหญ่ หรือในช่วงตลาดผันผวน (เช่น ช่วงประกาศข่าวสำคัญที่สภาพคล่องอาจหายวับไปชั่วขณะ) ออเดอร์ของคุณอาจจับคู่ไม่ได้ในราคาที่ต้องการ และมีโอกาสเกิด Slippage สูงขึ้น - มีผลต่อต้นทุนและประสิทธิภาพการเทรด :
โดยรวมแล้ว สภาพคล่องสูงหมายถึงต้นทุนการเทรดต่ำกว่า (เห็นได้ชัดที่ สเปรด) และประสิทธิภาพการเทรดสูงกว่า (ออเดอร์ถูกจับคู่ได้เร็วและแม่นยำ)
4. ความแตกต่างของสภาพคล่องในแต่ละสถานการณ์
สภาพคล่องในตลาดฟอเร็กซ์ไม่ได้คงที่ตลอดเวลา แต่จะแตกต่างกันตามคู่เงินและช่วงเวลา :- คู่เงิน :
คู่สกุลเงินหลัก (Major Pairs): เช่น EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD ฯลฯ เป็นคู่เงินของเศรษฐกิจหลักของโลก มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด สภาพคล่องดีที่สุด
คู่สกุลเงินรอง (Minor Pairs) และ คู่สกุลเงินแปลกใหม่ (Exotic Pairs): ปริมาณการซื้อขายน้อยกว่า สภาพคล่องต่ำกว่า สเปรดกว้างกว่า - ช่วงเวลาเทรด :
ช่วงพีค (Peak Liquidity): เมื่อเวลาทำการของศูนย์กลางการเงินหลักของโลกทับซ้อนกัน โดยเฉพาะช่วงลอนดอนกับนิวยอร์ก (ประมาณ 13.00-17.00 GMT) เป็นช่วงที่ตลาดคึกคัก สภาพคล่องดีที่สุด สเปรดแคบสุด
ช่วงเงียบ (Lower Liquidity): ในช่วงที่มีตลาดเดียวเป็นหลัก (เช่น เช้าในเอเชีย) หรือช่วงวันหยุดสำคัญทั่วโลก ปริมาณการซื้อขายลดลง สภาพคล่องต่ำ สเปรดอาจกว้างขึ้น
5. ข้อคิดสำคัญสำหรับมือใหม่
เมื่อเข้าใจสภาพคล่องแล้ว คุณจะได้ข้อแนะนำที่มีประโยชน์ดังนี้ :- เลือกเทรดคู่เงินที่มีสภาพคล่องสูง : สำหรับมือใหม่ แนะนำให้เน้นเทรด คู่สกุลเงินหลัก จะได้ต้นทุนต่ำ (สเปรด) และออเดอร์ถูกจับคู่ได้เสถียรกว่า
- ใส่ใจผลกระทบของช่วงเวลาเทรด : รู้ว่าช่วงเวลาเทรดต่างกัน สเปรดและการจับคู่ออเดอร์อาจต่างกัน หลีกเลี่ยงเทรดช่วงที่สภาพคล่องต่ำ (เช่น ดึกหรือเช้ามืดในพื้นที่ของคุณ) เว้นแต่คุณมีแผนและการบริหารความเสี่ยงที่ดี
- ระวังช่วงประกาศข่าว : ช่วงที่มีข่าวเศรษฐกิจหรือเหตุการณ์สำคัญ สภาพคล่องอาจหายวับไป สเปรดอาจกว้างขึ้นทันที และเสี่ยง Slippage มากขึ้น ถ้าคุณยังไม่มีประสบการณ์ ควรหลีกเลี่ยง หรือเทรดด้วยล็อตเล็กและตั้ง Stop Loss ให้ดี
สรุป
สภาพคล่อง คือดัชนีสำคัญที่วัดความคึกคักและประสิทธิภาพของตลาดฟอเร็กซ์มันเปรียบเสมือนเลือดของตลาด มีผลต่อขนาดของ สเปรด และคุณภาพของการจับคู่ออเดอร์
แม้ว่าตลาดฟอเร็กซ์โดยรวมจะมีสภาพคล่องสูงมาก แต่แต่ละคู่เงินและแต่ละช่วงเวลาก็มีความแตกต่างกัน
สำหรับมือใหม่ การเข้าใจสภาพคล่อง และเลือกเทรดในคู่เงิน (คู่สกุลเงินหลัก) และช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องสูง (ช่วงตลาดหลักทับซ้อน) จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มเสถียรภาพในการเทรด
สิ่งนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมตลาดได้ดีขึ้น และตัดสินใจเทรดได้เหมาะสมยิ่งขึ้น
หากคุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์ต่อคุณ ยินดีให้แชร์ให้เพื่อนๆ
ให้คนอื่นๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเทรดฟอเร็กซ์ด้วยกัน!
ให้คนอื่นๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเทรดฟอเร็กซ์ด้วยกัน!